
Cisco เปิดตัวชิป Silicon One P200 ขับเคลื่อน Router 51.2Tbps ประหยัดพลังงาน 65เปอร์เซ็น รองรับระบบ AI ยุคใหม่
ข่าวสาร | .., 1 มกราคม 2513 | มาใหม่
Cisco เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ของระบบเครือข่ายสำหรับยุค AI ด้วยการเปิดตัว Silicon One P200
ชิปเครือข่ายรุ่นล่าสุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ AI Infrastructure ขนาดใหญ่ และการเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูลระดับโลก
Cisco 8223 Router ซึ่งใช้ชิป Silicon One P200 เป็นหัวใจหลัก
สามารถทำความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง 51.2 Tbps
โดยยังคงใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 65%
ถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสำหรับระบบเครือข่ายความเร็วสูงในภาคองค์กรและศูนย์ข้อมูล
แนวคิดสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบนี้คือ “Scale-Across Architecture”
ซึ่งช่วยให้ระบบ AI ขนาดใหญ่สามารถเชื่อมต่อกันข้ามศูนย์ข้อมูลได้โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพ
ลดปัญหาคอขวดของข้อมูล (bottleneck) ที่เกิดขึ้นระหว่างการเทรนโมเดลขนาดมหึมา
Silicon One P200 ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร
และมาพร้อม Deep Buffer Memory ที่ช่วยจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างมีเสถียรภาพ
รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ Ethernet-based Fabric ที่ขยายขอบเขตของการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น
Cisco ระบุว่าชิป P200 มีประสิทธิภาพดีกว่าชิปรุ่นก่อนถึง 2 เท่า
และสามารถรองรับการส่งข้อมูลระหว่างโหนด AI ได้หลายพันจุดพร้อมกัน
เหมาะกับระบบ AI Cluster, Machine Learning Training และ Cloud-scale Data Center
นอกจากประสิทธิภาพด้านความเร็วแล้ว Cisco ยังให้ความสำคัญกับ Green Networking
โดยออกแบบให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยคาร์บอน
เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net-Zero Carbon ขององค์กรในปี 2040
Jonathan Davidson รองประธานบริหารของ Cisco กล่าวว่า
“Silicon One P200 คือก้าวสำคัญของ Cisco ในการเชื่อมโยงโลกของ AI
ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่เร็วกว่า ประหยัดกว่า และยืดหยุ่นกว่าเดิม”
Router 8223 ที่ใช้ชิป P200 ถูกออกแบบให้พร้อมใช้งานทั้งในระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูล AI
รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จากผู้ผลิตรายอื่นผ่านมาตรฐาน Ethernet แบบเปิด
ทำให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งระบบให้เหมาะกับแต่ละกรณีการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น
การเปิดตัวครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Cisco ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ในตลาด Network แบบเดิมอีกต่อไป
แต่กำลังขยายเข้าสู่โลกของ AI Infrastructure ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือเป็นผู้นำด้าน “Intelligent Connectivity” สำหรับอนาคตของ AI